โลกกำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วทั้งการพัฒนาเทคโนโลยี การใช้งานทรัพยากรธรรมชาติเกินขีดจำกัด การเปลี่ยนแปลงที่เห็นชัดเจนและมีผลกระทบมากที่สุด คือ การทำลายทรัพยากรธรรมชาติจนขาดความสมดุลย์ อุณหภูมิของโลกร้อนขึ้นรวดเร็วผิดปกติ จนฤดูกาลเปลี่ยนแปลงทันทีทันใด น้ำแข็งขั้วโลกละลายจนหมีขั้วโลกต้องอดอยาก บนผืนแผ่นดินหลายแห่งก็ร้อนและแห้งแล้ง เกิดความอดอยากหิวโหยพอๆ กัน ในประเทศอินเดียมีผู้คนล้มตายกันเพราะอุณหภูมิที่สูงขึ้นมากกว่า 45 องศาเซลเซียส สำหรับประเทศไทยบ้านเราก็ "หนาวเหน็บ" ในเดือนเมษายนกันแล้วในปีนี้ การใช้ยานพาหนะที่ใช้ เครื่องยนต์สันดาป (ICE) คือหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้โลกร้อนขึ้น เพราะปล่อยไอเสีย ก็าซคาร์บอนมอนอกไซด์ ฝุ่น PM 2.5 ออกสู่ชั้นบรรยากาศ ยานยนต์ไฟฟ้า (EV Car) จึงเป็นทางออกที่ทั่วโลกกำลังแสวงหานำมาใช้งานทดแทนในวันนี้และอนาคต
รถยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle : EV) อาจฟังดูเป็นเรื่องใหม่สำหรับยุคนี้ แต่ความจริงแล้วรถยนต์ไฟฟ้าคันแรกของโลกเกิดขึ้นมาตั้งแต่ประมาณปี 1828 แล้ว (สนใจคลิกอ่านตรงนี้) แต่เพิ่งจะได้รับความสนใจ และมีการหันมาพัฒนารถยนต์ไฟฟ้ากันอย่างจริงจังมากขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 21 ด้วยหลักการทำงานที่ขับเคลื่อนโดย มอเตอร์ไฟฟ้า แทนการใช้ เครื่องยนต์สันดาป ที่ใช้น้ำมันหรือเชื้อเพลิงอื่นๆ ที่มีการเผาไหม้ จึงทำให้ทั่วโลกหันมาให้ความสำคัญเพื่อช่วยโลกให้สะอาดและน่าอยู่ขึ้น
รถยนต์ไฟฟ้า คือ รถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานจากไฟฟ้า 100% โดยใช้พลังงานไฟฟ้าที่ถูกเก็บไว้ในแบตเตอรี หรืออุปกรณ์เก็บพลังงานไฟฟ้าแบบต่างๆ หรือให้เข้าใจง่ายๆ ก็เป็นการแปลงพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรีมาใช้ในการขับเคลื่อนรถไปข้างหน้า ไม่มีกลไกลอะไรซับซ้อน ต่างจากรถยนต์ใช้น้ำมันที่ต้องอาศัยการจุดระเบิดเผาไหม้เพื่อการขับเคลื่อน จึงทำให้รถยนต์ไฟฟ้ามีอุปกรณ์ขับเคลื่อนที่เงียบ และไม่มีไอเสีย จากการเผาผลาญพลังงาน และนอกจากรถยนต์ไฟฟ้าจะเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังมีข้อดีอื่นๆ อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น
รถยนต์ไฟฟ้า แบ่งเป็นหลายประเภทตามลักษณะการทำงาน การใช้พลังงาน และแหล่งจ่ายพลังงาน ดังนี้
1. รถยนต์พลังงานไฟฟ้าแบตเตอรี่ (BEV) – เป็นรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรีเพียงอย่างเดียว ไม่มีเครื่องยนต์สันดาปภายใน สามารถชาร์จกระแสไฟฟ้าเข้าแบตเตอรี่ได้จากเครื่องชาร์จประจำบ้าน (Wall box) แบบ AC ตั้งแต่ 7-22 kw โดยใช้เวลาชาร์จประมาณ 6-10 ชั่วโมง สำหรับการชาร์จปกติ หรือ 30 นาที - 1 ชั่วโมง สำหรับการชาร์จแบบเร็ว DC charger ตามสถานีอัดประจุสาธารณะ ตั้งแต่ 50 - 250 kw
2. รถยนต์ไฟฟ้าไฮบริด (HEV) – มีรูปแบบการทำงานที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง ผสมกับพลังงานไฟฟ้า ระบบจะทำงานเองอัตโนมัติ โดยมอเตอร์จะช่วยออกตัวด้วยระบบไฟฟ้าก่อนที่เครื่องยนต์จะทำงานต่อ ไม่สามารถใช้ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวในการขับเคลื่อนได้ หากในกรณีรถติดหรือรถหยุดนิ่งกับที่ ถ้ารถมีแบตเตอรีมากพอเครื่องยนต์จะดับลง แล้วดึงไฟจากแบตเตอรีมาใช้กับอุปกรณ์ต่างๆ เช่น ไฟหน้ารถ เครื่องปรับอากาศ และระบบเครื่องเสียง ขนาดของแบตเตอรี่ไม่ได้มีขนาดใหญ่มากนัก จะประหยัดน้ำมันได้ในระดับหนึ่งหากใช้ในเมืองที่รถติด แต่ไม่ประหยัดนักในการเดินทางไกลใช้ความเร็วสูงๆ
3. รถยนต์ไฟฟ้าปลั๊ก-อิน ไฮบริด (PHEV) – หนึ่งในรถยนต์ไฟฟ้าประเภทไฮบริด ผสานระหว่างเครื่องยนต์เบนซินหรือดีเซลเข้าด้วยกัน มีแบตเตอรีขนาดใหญ่ที่ชาร์จไฟได้มากขึ้น รองรับการประจุไฟฟ้าจากนอกตัวรถใช้เวลาชาร์จแบตเตอรีให้เต็มประมาณ 4-6 ชั่วโมง สามารถวิ่งได้โดยใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรีเพียงอย่างเดียวได้ระยะทางประมาณ 20-80 กิโลเมตร แต่ก็ยังสามารถกลับมาใช้ระบบไฮบริดที่ใช้ทั้งน้ำมันและไฟฟ้าร่วมกันได้เหมือนแบบที่ 2
4. รถพลังงานไฮโดรเจน (Fuel Cell) – รถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้พลังงานไฮโดรเจน (พลังงานสะอาด) มาแปลงเป็นกระแสไฟฟ้าเพื่อนำไปขับเคลื่อนให้รถยนต์แล่นไปได้ โดยในโครงสร้างจะมีแผงเซลล์เชื้อเพลิงที่เก็บไฮโดรเจนในรูปแบบของเหลว มอเตอร์ไฟฟ้าทำหน้าที่ขับเคลื่อนควบคู่กับการชาร์จกระแสไฟฟ้าและแบตเตอรี โดยมีหลักการทำงานคือ ส่งไฮโดรเจนและอากาศที่มีออกซิเจนเข้าไปสู่แผงเซลล์เชื้อเพลิง สร้างกระแสไฟฟ้าเก็บไว้ในแบตเตอรี แล้วกระแสไฟฟ้าจากแบตเตอรีก็จะถูกส่งไปที่มอเตอร์ไฟฟ้า เพื่อใช้ในการขับเคลื่อนรถยนต์ต่อไป ระบบนี้มีปัญหาที่สถานีผลิตไฮโดรเจนที่มีต้นทุนสูง ต้องมีถังเก็บไฮโดรเจนแรงดันสูงในรถ ซึ่งจะเหมาะกับรถบรรทุกหรือรถโดยสารขนาดใหญ่มากกว่ารถยนต์นั่งทั่วไป
ยังมีรถยนต์ไฟฟ้าอีก 2 แบบที่คล้ายๆ กันและมีคำถามว่า ควรจะเป็นรถยนต์ประเภทใดกันแน่ คือ รถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์แบบ e-Power และรถยนต์แบบ REEV (Range Extender Electric Vehicle) รถยนต์ทั้งสองแบบนี้จัดเป็นแบบ Hybrid นะครับ คือมีทั้งระบบเครื่องยนต์และไฟฟ้าทำงานร่วมกันโดย
แต่ในบทความที่จะกล่าวถึงต่อไปนี้ จะเน้นที่ รถยนต์ไฟฟ้าล้วนๆ ชนิดใช้แบตเตอรี่ (BEV - Battery Electric Vehicle) เท่านั้นนะครับ ที่เป็นกระแสและมีความนิยมตามที่รัฐบาลกำลังส่งเสริมให้คนไทยเปลี่ยนมาใช้งานกัน ด้วยมาตรการทางภาษีให้กับค่ายรถยนต์ต่างๆ ให้นำเข้ามาและผลิตใช้ภายในประเทศให้มากขึ้น
รถยนต์ไฟฟ้าคืออนาคต | การเลือกรถไฟฟ้าสักคัน | การเตรียมที่ชาร์จในบ้าน
|
|
สนับสนุนให้ Easyhome อยู่รับใช้ท่านตลอดไป ด้วยการคลิกแบนเนอร์ไปเยี่ยมผู้สนับสนุนของเราด้วยครับ
|
ยินดีต้อนรับทุกท่านสู่เว็บไซต์ Easyhome in Thailand เว็บไซต์ของเรา ใช้คุกกี้ (Cookies) เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และนโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)