Easyhome 2010
P'Por บล็อกของคนรักการเดินทาง
Review Programs Navigation Bar

 

Ads 250x125

ADS 250x250
 

Android vs iOS

ากคำถามของเพื่อนๆ ใกล้ชิดหลายคนที่อยากให้ผมตอบว่า "ควรซื้อโทรศัพท์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการใดดีในช่วงนี้" ตอบยากเหมือนกันนะ เพราะถ้าจุดประสงค์ของการใช้โทรศัพท์เพื่อเป็นอุปกรณ์ติดต่อสื่อสารด้วยเสียง (โทรออก-รับสาย) นี่จะเลือกอะไรก็ได้ทั้งนั้นมันทำได้ไม่ต่างกันหรอก แต่ถ้าเอาไปใช้ในฐานะ Smartphone คือสารพัดหน้าที่นี่ค่อนข้างฟันธงยาก เพราะต่างก็มีคุณสมบัติใกล้เคียงกันมากทีเดียว

Phone OS

ก่อนจะว่าด้วยเรื่องการเปรียบเทียบก็ขอย้อนอดีตหน่อยหนึ่ง โทรศัพท์เดิมๆ ไม่ได้เน้นที่ตัวระบบปฏิบัติการ เพราะใช้แค่การติดต่อด้วยเสียงเท่านั้น หลังๆ มามีการเพิ่มฟังก์ชั่นการใช้งาน เช่น มีเครื่องคิดเลข นาฬิกา ปฏิทิน และเกม ทำให้ต้องมีตัวระบบปฏิบัติการมาควบคุมให้ทำงานได้ดีขึ้น ฉลาดขึ้น ซึ่งมีอยู่หลายระบบขอยกตัวอย่างดังนี้

  • Palm OS เป็นระบบปฏิบัติการบนโทรศัพท์มือถือยุคแรกๆ เมื่อกว่าสิบปีที่ผ่านมา โดยหลักๆ จะมีคุณสมบัติเทียบเคียงกับคอมพิวเตอร์พกพา สามารถทำอะไรได้หลายๆ อย่างคล้ายกับคอมพิวเตอร์ มีข้อเสียก็คือกลุ่มนักพัฒนา (Developer) มักจะไม่ค่อยสนใจพัฒนาแอพพลิเคชั่นเสริมที่โดนใจมาให้ใช้กันมากนัก Palm OS จึงค่อยเสื่อมความนิยมไปจนไม่มีใครนึกถึงในปัจจุบัน ผมก็ได้ใช้มือถือจิ้มด้วย Stylus กับระบบนี้
  • Symbian ระบบปฏิบัติการโทรศัพท์มือถือยุคที่สองต่อจาก Palm OS สมัยโทรศัพท์มือถือ Nokia เฟื่องฟูยอดขายถล่มทลาย โทรศัพท์หลายรุ่นของโนเกียใช้ระบบปฏิบัติการซิมเบี้ยนนี้เป็นหลัก ความสามารถหลักๆ ก็คือ สามารถลงแอพพลิเคชั่นเพิ่มเติมได้ รองรับการใช้งานพื้นฐาน เช่น SMS MMS Calendar Clock Calculator etc. และเป็นยุคที่โทรศัพท์ต่อใช้งานอินเตอร์เน็ตผ่านมือถือได้ (ได้ใช้งานหลายรุ่นอยู่เหมือนกัน รวมทั้งตัวที่เล่นเกมสนุกๆ ด้วย)
  • Windows Mobile เมื่อตลาดสมาร์ทโฟนรุ่งเรือง ค่าย Microsoft ก็กระโดดเข้าร่วมสนามแข่งขัน คิดค้นและพัฒนาระบบปฏิบัติการ Windows Mobile ขึ้นมา Windows CE มีความสามารถและประสิทธิภาพการใช้งานได้ไม่แตกต่างจากระบบปฏิบัติการซิมเบี้ยน แถมยังรองรับการใช้งานร่วมกับผลิตภัณฑ์อื่นๆ ของ Microsoft ได้อย่างมีประสิทธิภาพ… เช่น การท่องเน็ตผ่านบราวเซอร์อย่าง IE, Windows Live พัฒนาต่อมาเป็น Windows Mobile ถึงขั้นไมโครซอฟท์ลงทุนซื้อ Nokia (สายการผลิตโทรศัพท์) มาทำตลาดเอง แต่ก็ไปไม่รอดแล้วในวันนี้
  • Blackberry หลายคนคงคุ้นชินและสนิทสนมกับระบบปฏิบัติการ Blackberry เป็นอย่างดี โดยระบบปฏิบัติการนี้เป็นระบบปฏิบัติการที่คิดค้นและพัฒนาขึ้นโดยบริษัท Research in Motion หรือ RIM ความสามารถหลักๆ คือรองรับการใช้งานองค์กร ในการรับส่งอีเมล์ในเชิงธุรกิจที่เน้นความปลอดภัยเป็นอย่างสูง แต่ระบบปฏิบัติการนี้จะสามารถใช้ได้เฉพาะกับเครื่องสมาร์ทโฟนค่าย Blackberry เท่านั้น แถมคุณสมบัติโดดเด่นก็เห็นจะเป็น Blackberry Messenger หรือ BBM ที่บรรดาหนุ่มสาวใช้แช็ทกุ๊กกิ๊กกันนั่นเอง วันนี้สถานะถอยหลังแล้วนะครับ
  • iOS ค่าย Apple ส่ง “iPhone” รุ่นแรกออกวางจำหน่ายเมื่อปี 2550 ระบบปฏิบัติการ iOS ก็เริ่มเป็นที่รู้จัก และเป็นที่นิยมอย่างล้นหลาม ปัจจุบันมีผู้ใช้ระบบปฏิบัติการ iOS กว่า 50 ล้านคนทั่วโลก โดยคุณสมบัติโดดเด่น หลักที่เห็นได้ง่ายก็คือ เป็นระบบปฏิบัติการแบบ Single OS ที่ไม่ว่าจะเป็น iPhone iPod iPad รุ่นไหนๆ ก็สามารถอัพเกรดระบบปฏิบัติการมาใช้ได้เหมือนกันหมด แถมโดดเด่นด้วยแอพพลิเคชั่นเสริมมากมาย มีให้เลือกดาวน์โหลดกันเป็นแสนเป็น ล้านแอพฯ ครบครันทุกความต้องการการใช้งาน แต่ก็มีข้อเสียตรงที่ระบบปฏิบัติการนี้ไม่สามารถที่จะเสริมเติมแต่งอะไรเข้า ไปเพิ่มเติมนอกเหนือจากที่แอปเปิ้ลเค้าจัดสรรมาให้เท่านั้น
  • Android ระบบปฏิบัติการจากค่าย Google ที่เปิดให้เป็นฟรีแวร์ จึงทำให้ค่ายผู้ผลิตมือถือต่างๆ สนใจนำระบบปฏิบัติการนี้ไปใส่ลงในมือถือของตน ตั้งแต่ค่ายยักษ์ใหญ่ อย่าง Samsung, LG, HTC, Sony, Motorola etc. และอีกสารพัดยี่ห้อจากจีน โดยคุณสมบัติหลักที่โดดเด่นคือเป็น Freeware จึงทำให้ราคาค่า งวดของโทรศัพท์มือถือแอนดรอยด์มีราคาถูกกว่า ได้สเปคการใช้งานที่สูง และผู้ใช้สามารถเสริม เพิ่ม แต่ง ดัดแปลง รูปแบบการใช้งานได้ตามสไตล์ เช่น จะเปลี่ยน font เปลี่ยนรูปแบบหน้าจอ เปลี่ยนโน่น นี่ นั่น ได้หมด มีความเป็น Customized มากมาย เหมาะแก่ไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างเสียจริงๆ แต่ข้อเสียก็มีตรงที่ Android มิได้เป็น Single OS อย่างไอโฟน ที่ออกเวอร์ชั่นใหม่ก็มีเวอร์ชั่นเดียวกันทั่วโลก แต่แอนดรอยด์ก็มีสารพันเวอร์ชั่นในท้องตลาด 2.4, 3.0, 4.0, 5.0, 6.0 จะอัพเดทได้ตามที่ผู้ผลิตเครื่องนั้นๆ ปรับแต่งแล้ว เว้นแต่โทรศัพท์ที่พะรุ่นว่า Nexus เท่านั้นที่อัพได้โดยตรง (เพราะ Google ควบคุมการผลิตเองเพื่อเป็นการทดสอบ Android เวอร์ชั่นใหม่ๆ ที่พัฒนาขึ้น)

ณ วันนี้(ที่เขียนบทความ) เหลือคู่แข่ง/คู่ต่อสู้ในตลาดสมาร์ทโฟนทั่วโลกมีเพียง iOS และ Android เท่านั้นที่เป็นที่นิยมใช้งาน มีการแข่งขันทั้งสงครามราคา คุณสมบัติ การออกแบบรูปร่างหน้าตาที่ดึงดูดใจ การเลือกใช้งานก็คงต้องพิจารณาด้วยตัวท่านเองว่า ชอบอะไรในผลิตภัณฑ์นั้นๆ ผมผ่านการใช้งานมือถือมาหลายเครื่อง หลายรุ่น หลายระบบปฏิบัติการ ตั้งแต่ Palm, Symbian, Blackberry, Windows Mobile, iOS และ Android ประสบการณ์ดีๆ ที่ใช้นานกว่าคือ Symbian เพราะผ่านมือ Nokia มาหลายรุ่นสุด

Android vs iOS

ตอนนี้มี iPad ที่ใช้ iOS มีโทรศัพท์จีนยี่ห้อ Vivo ใช้ Android (เคยมี iPhone4 แต่ขายไปแล้ว) ถ้าจะถามว่า ระบบไหนดีกว่ากัน? มันจะเป็นคำถามที่ผมตอบได้ยากมาก เพราะในดีก็มีเสียอยู่แหละที่ไม่ถูกจริตของเรา แต่ถ้าหากถามใหม่ ให้พูดถึงจุดเด่นของแต่ละระบบแล้วอาจจะง่ายกว่า ซึ่งเราสามารถวิเคราะห์ความต้องการทางด้านการใช้งาน งบประมาณที่มีของผู้ใช้ได้

Home wallpaper Android and iOS

เรื่องหน้าตาความสวยงามนี่แทบไม่แตกต่างกันเลยล่ะครับ iOS ทำออกมาสวยยังไง Android ก็สามารถปรับแต่งให้สวยงามได้ใกล้เคียงกัน มีบางยี่ห้อนี่หลายคนยังเข้าใจผิดเลย Vivo ที่ผมใช้งานอยู่ถ้ามองเผินๆ ยังมีคนทักว่า "ใช้ iPhone6 เหรอ" ด้วยหน้าตาภายนอก สีตัวเครื่อง(ทอง) กับหน้าจอที่มีไอค่อนใกล้เคียงกันนั่นเอง

Vivo Y35 Android Phone

การจัดการตัวเครื่องและระบบซอฟท์แวร์

  • Android จะมีความเป็นอิสระค่อนข้างมาก เปรียบเสมือนคอมพิวเตอร์เครื่องนึงได้เลย เชื่อมต่อภายนอกได้ง่ายมาก เพียงเสียบต่อกับคอมพิวเตอร์เครื่องไหนก็ได้ ถ่ายโอนข้อมูลง่ายเหมือนเสียบแฟลชไดร์ฟ ลงแอพเพิ่มเติมจากภายนอกได้ และยังสามารถปรับแต่งการตั้งค่าของเครื่องได้อิสระมากกว่า
  • iOS จะเน้นความง่ายเป็นหลักเพราะระบบมีความซับซ้อนน้อย มีบริการจากส่วนกลาง เช่น iTunes, Games Center และ iClound ทุกอย่างอยู่ในหน้าโฮมสกรีนทำให้ง่ายต่อการจัดการ มีความเป็นหนึ่งเดียวของระบบหรือแค่บัญชีผู้ใช้บัญชีเดียวก็สามารถใช้บริการได้แทบทั้งหมด
ความรวดเร็วในการอัพเดทระบบปฏิบัติการของผู้ใช้งาน
ความรวดเร็วในการอัพเดทระบบปฏิบัติการของผู้ใช้งาน

ประสิทธิภาพที่แตกต่างกัน

  • Android จะได้รับฉายาจอมพลัง ซึ่งสามารถทำการปรับแต่งให้เครื่องแรงขึ้นได้ ด้วยการลงแอพพลิเคชั่นเสริมช่วย และยังทำงานคล้ายกับคอมพิวเตอร์ซึ่งมีระบบการทำงานหลายอย่างพร้อมกัน หรือที่เรียกว่า Multi Tasking แต่ต้องหมั่นเคลียร์แคชบ่อยๆ หน่อยนะ เพราะถ้าใช้งานมากๆ ถึงขั้นแฮงค์เพราะการจัดการหน่วยความจำไม่ดีนัก
  • iOS จะได้รับฉายาเทพแห่งความลื่นไหลและเสถียร ทั้งนี้ไม่ได้ลื่นเฉพาะหน้าโฮมสกรีนเท่านั้น แต่เวลาใช้งานแอพต่างๆ อยู่ก็ลื่นไหลเช่นเดียวกัน อีกทั้งยังประหยัดพลังงานแม้จะเปิดแอพต่างๆ ค้างไว้และถึงแม้ว่าจะเปิดแอพไปซัก 10 หน้านั่นก็ไม่ได้ทำให้ iOS มีความหน่วงหรือช้าลงอย่างเห็นได้ชัด แต่การปิดแอพที่ไม่ใช้งานไปบ้างก็ดีกว่านะครับ

จุดเด่นของทั้งสองระบบ

  • Android โดดเด่นคือ มีลูกเล่นเยอะ สามารถเปลี่ยนธีมปรับแต่งได้อย่างไม่รู้จบ ปรับแต่งหน้าตาของเครื่องได้ตามใจชอบ และเหมาะกับคนชอบพูดชอบคุย เพราะมีคีย์บอร์ดแบบต่างๆ ให้เลือกโหลดมาติดตั้งเพื่อความถนัดในการใช้งานอย่างมากมาย
  • iOS โดดเด่นด้านความบันเทิง มีแอพพลิเคชั่นและเกมส์ให้เลือกอย่างมากมาย และมีคุณภาพ สามารถใช้กับ iOS เวอร์ชั่นใหม่ๆ ได้หมดแม้จะเป็นแอพเวอร์ชั่นเก่าก็ตาม อีกทั้งยังมีแอพที่ช่วยเหลืองานด้านเอกสาร งานตัดต่อหนัง และงานด้านดนตรีได้อีกด้วย
อย่ามองเพียงเปลือกนอก

ความสามารถของทั้งสองระบบนี้จริงๆ แล้วก็ไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่ สามารถทำงานได้เหมือนๆ กัน แอพพลิเคชั่นก็มีการพัฒนาออกมามากมายเช่นเดียวกัน แต่ในความเห็นของผมฝั่ง iOS มีความน่าเชื่อถือมากกว่า ในขณะที่ประสิทธิภาพของฮาร์ดแวร์นั้น Android ทำได้ดีกว่าเมื่อเทียบประสิทธิภาพต่อราคา Android Phone มีราคาน่าคบหากว่าเริ่มตั้งแต่ไม่กี่พันบาทไปจนถึงระดับหลักหมื่นเท่ากับ iPhone ก็มี

ด้านฮาร์ดแวร์ที่ทำให้ Android เหนือกว่า iOS คือ ความแรงของซีพียู แรมเยอะ เพิ่มหน่วยเก็บข้อมูล (SD Card) ได้เอง และรองรับการใช้งานกับ Sim มากกว่าหนึ่ง ทำงานพร้อมกันได้ทั้งสองซิม เป็น 3G, 4G ทั้งสองซิมก็ได้ในเครื่องรุ่นใหม่ๆ ทำให้ไม่ต้องพกพาหลายเครื่อง อันนี้แหละสุดยอดมากที่ทำให้ผมต้องหันมาคบกับ Android เพราะไม่อยากพกพาหลายเครื่อง

Market Share 2015
ส่วนแบ่งการตลาดของระบบปฏิบัติการโทรศัพท์ มกราคม 2015

 

red line
Home | What's new? | Basic HTML | Reviews Programs | Tip&Tricks | Download | Site Map
red line

 

 

Home Basic HTML Review Software More Tip & Tricks Download Software Site Map Download Trial Version